โครงงานภาษาไทย
เรื่องคำราชาศัพท์
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
เนื่องจากการเรียนวิชาภาษาไทย เป็นวิชาที่ยากแก่การเข้าใจโดยเฉพาะเกี่ยวกับคำราชาศัพท์ต่าง ๆ จากบทเรียนซึ่งต้องรวบรวมความหมายและนำมาจัดเป็นระบบเพื่อง่ายแก่การนำไปใช้ จึงได้จัดทำโครงงานนี้ขึ้นมา
วัตถุประสงค์
1. เพื่อรวบรวมคำราชาศัพท์ จากหนังสือภาษาไทย
2. เพื่อหาความหมายของคำราชาศัพท์
3. เพื่อจัดทำพจนานุกรมคำราชาศัพท์ประจำชั้นเรียน
สมมุติฐานของการศึกษาค้นคว้าxml:namespace prefix = o />
คำราชาศัพท์ในหนังสือภาษาไทย มีจำนวนมากและมีความหมายต่างกัน
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
1.คำราชาศัพท์ หมายถึง
2. ระยะเวลาศึกษาตั้งแต่ 18กุมภาพันธ์ - 21กุมภาพันธ์ 2551
อุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ในการศึกษา
1. หนังสือภาษาพาที ชั้นป.4
2. พจนานุกรมคำราชาศัพท์
3. กระดาษ
4. ปากกา ดินสอ
5. อุปกรณ์ ตกแต่งโครงงาน
วิธีการศึกษา
1. อ่านหนังสือภาษาพาทีแล้ววงกลมล้อมรอบคำราชาศัพท์ด้วยดินสอ
2. คัดลอกคำที่วงกลมไว้ในกระดาษ
3. จัดเรียงลำดับคำตามพจนานุกรม
4. เปิดพจนานุกรมคำราชาศัพท์ หาคำอ่านและหาความหมาย
5. คัดลอก ตกแต่งเป็นรูปเล่มให้สวยงาม
ผลจากการศึกษา
1.อ่าน เขียน หาความหมายของ คำราชาศัพท์ในหนังสือภาษาพาที
ชั้นป.4ได้คล่องขึ้น
2. รู้ความหมายของคำราชาศัพท์
3. เรียงลำดับคำราชาศัพท์ตามพจนานุกรมได้ถูกต้อง
4. รวบรวมคำราชาศัพท์เป็นรูปเล่มได้
5. สามารถใช้เป็นเอกสารประกอบการเรียนได้
สรุปผลการศึกษา
จากการศึกษาหาความหมาย และรวบรวมคำราชาศัพท์ศัพท์จากบทเรียน
ทำให้เกิดการเรียนรู้เกี่ยวกับที่มาและความหมายของคำสามารถ
นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
ประโยชน์ที่ได้รับ
1. รู้จักการจัดทำโครงงานประกอบการเรียน
2. ใช้พจนานุกรมเป็น
3. มีพจนานุกรมประจำชั้นเรียน
4. รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
ข้อเสนอแนะ
ควรจะจัดรวบรวมคำราชาศัพท์ที่นอกเหนือจากบทเรียนหรือจากแหล่งความรู้อื่น ๆ
คำราชาศัพท์
คำราชาศัพท์ถ้าแปลตามรูปศัพท์หมายถึงศัพท์สำหรับพระมหากษัตริย์คำราชาศัพท์ใช้กับพระมหากษัตริย์ เจ้านายหรือพระบรมวงศานุวงศ์พระสงฆ์และคนสุภาพราชาศัพท์เป็นวัฒนธรรมทางภาษาที่ชาวไทยใช้สื่อสารกับบุคคล ดังกล่าวด้วยความเชื่อและการยกย่องมาแต่โบราณกาล
ลักษณะการใช้ราชาศัพท์
๑. คำราชาศัพท์ที่ใช้เป็นคำนามมี๒ลักษณะคือ๑.๑คำนามที่ไม่ใช้คำใดๆ ประกอบได้แก่คำนามประเภทสมุหนาม เช่นคณะ สมาคม มูลนิธิเป็นต้นอีกพวกหนึ่ง ได้แก่คำนามที่เป็นราชาศัพท์แล้วในตัวเช่นตำหนักวังเป็นต้นพวกหลังนี้เมื่อใช้ในระดับสูงขึ้นไปต้องใช้คำอื่นประกอบ เช่นตำหนัก(เรือนเจ้านาย) พระตำหนัก(เรือนของพระมหากษัตริย์) ๑.๒คำนามที่ใช้คำอื่นประกอบเพื่อเป็นราชาศัพทก.สำหรับพระมหากษัตริย์ * คำนามที่เป็นชื่อสิ่งของสำคัญที่ควรยกย่อง มีคำเติมหน้าได้แก่ พระบรมมหาราชพระบรมมหาพระบรมราชพระบรม พระอัคราชพระอัคร และพระมหาเช่น พระบรมมหาราชวังพระบรมมหาชนกพระบรมราชชนนีพระบรมราชวงศ์พระบรมอัฐิ พระบรมโอรสาธิราชพระอัครชายาพระมหาปราสาทพระมหาเศวตฉัตรเป็นต้น *คำนามเป็นชื่อสิ่งสำคัญรองลงมานำหน้าด้วยคำ“พระราช”เช่น พระราชวังพระราชวงศ์ พระราชทรัพย์ พระราชลัญจกรเป็นต้น* คำนามเป็นชื่อของสิ่งสามัญทั่วไปที่ไม่ถือว่าสำคัญส่วนใหญ่เป็นคำบาลีสันสกฤต เขมรและคำไทยเก่า แต่บางคำก็เป็นคำ ไทยธรรมดานำหน้าด้วยคำ“พระ” เช่นพระกรพระบาทพระโรคพระฉายพระแท่นพระเคราะห์เป็นต้น คำนามใดที่เป็น คำประสมมีคำ “พระ” ประกอบอยู่แล้วห้ามใช้คำ“พระ”นำหน้าซ้อนอีกเช่นพานพระศรี(พานหมาก) ขันพระสาคร (ขันน้ำ)เป็นต้น* คำนามที่เป็นชื่อสิ่งไม่สำคัญและคำนั้นมักเป็นคำไทย นำหน้าด้วยคำว่า “ต้น” เช่นม้าต้นช้างต้นเรือนต้นและ นำหน้าด้วย “หลวง”เช่นลูกหลวงหลานหลวงรถหลวงเรือหลวงสวนหลวงส่วน“หลวง” ที่แปลว่าใหญ่ไม่จัดว่า เป็นราชาศัพท์ เช่นภรรยาหลวงเขาหลวงทะเลหลวงเป็นต้น นอกจากคำว่า“ต้น”และ“หลวง”ประกอบท้ายคำแล้ว บางคำยังประกอบคำอื่นๆ อีกเช่น รถพระที่นั่ง เรือพระที่นั่ง รถทรงเรือทรงม้าทรงช้างทรงน้ำสรงห้องสรงของเสวย โต๊ะเสวยห้องบรรทมเป็นต้น
ข.สำหรับเจ้านายหรือพระบรมวงศานุวงศ์คือตั้งแต่สมเด็จพระบรมราชินีลงไปถึงหม่อมเจ้า* ใช้พระราชนำหน้าเช่นพระราชเสาวนีย์พระราชประวัติ พระราชดำรัlส พระราชกุศลพระราโชวาท พระราโชบายเป็นต้น
* ใช้พระนำหน้าเช่นพระเศียรพระองค์พระหัตถ์พระทัย พระบาทเว้นแต่หม่อมเจ้าไม่ใช้“พระ” นำหน้า ใช้ว่าเศียรองค์หัตถ์หทัยบาทเป็นต้น
* คำนามราชาศัพท์สำหรับเจ้านายอยู่ในตัวไม่ต้องใช้คำนำหน้าหรือคำต่อท้ายเช่นวังตำหนักดังที่กล่าวมา แล้วข้างต้น
คำนามราชาศัพท์ที่ควรทราบเพิ่มเติม
คำสามัญ
|
คำราชาศัพท์
|
คำสามัญ
|
คำราชาศัพท์
|
หัว(พระมหากษัตริย์)
ผม(พระมหากษัตริย์)
หน้าผาก
ขนระหว่างคิ้ว
จมูก
ปาก
ลิ้น
หู
ดวงหน้า
บ่า,ไหล่
ปลายแขน
นิ้วมือ
ท้อง
ขา,ตัก
เท้า
ปอด
|
พระเจ้า
เส้นพระเจ้า
พระนลาฏ
พระอุณาโลม
พระนาสา,พระนาสิก
พระโอษฐ์
พระชิวหา
พระกรรณ
พระพักตร์
พระอังสา
พระกร
พระองคุลี
พระอุทร
พระเพลา
พระบาท
พระปัปผาสะ
|
หัว
ผม
คิ้ว
ดวงตา
แก้ม
ฟัน
คาง
คอ
หนวด
ต้นแขน
มือ
เล็บ
เอว
แข้ง
ขน
กระดูก
|
พระเศียร
พระเกศา,พระเกศ,พระศก
พระขนง,พระภมู
พระจักษุ,พระนัยนา,พระเนตร
พระปราง
พระทนต์
พระหนุ
พระศอ
พระมัสสุ
พระพาหา,พระพาหุ
พระหัตถ์
พระนขา
พระกฤษฎี,บั้นพระเอว
พระชงฆ์
พระโลมา
พระอัฐิ
|
หมวดขัตติยตระกูล
คำสามัญ
|
คำราชาศัพท์
|
คำสามัญ
|
คำราชาศัพท์
|
ปู่,ตา
ลุง,อา(พี่-น้องชาย ของพ่อ)
ลุง,น้า(พี่-น้องชาย ของแม่)
พ่อ
พี่ชาย
น้องชาย
ลูกชาย
หลาน
ลูกเขย
|
พระอัยกา
พระปิตุลา
พระมาตุลา
พระบรมชนกนาถ, พระชนก,พระบิดา
พระเชษฐา,พระเชษฐภาตา
พระอนุชา,พระขนิษฐา
พระราชโอรส,พระโอรส
พระนัดดา
พระชามาดา
|
ย่า,ยาย
ป้า,อา(พี่-น้องสาวของ พ่อ)
ป้า,น้า(พี่-น้องสาวของ แม่)
แม่
พี่สาว
น้องสาว
ลูกสาว
เหลน
ลูกสะใภ้
|
พระอัยยิกา,พระอัยกี
พระปิตุจฉา
พระมาตุจฉา
พระบรมราชชนนี, พระชนนี,พระมารดา
พระเชษฐภคินี
พระขนิษฐภคินี
พระราชธิดา,พระธิดา
พระปนัดดา
พระสุณิสา
|
หมวดเครื่องใช้
คำสามัญ
|
คำราชาศัพท์
|
คำสามัญ
|
คำราชาศัพท์
|
คำสามัญ
|
คำราชาศัพท์
|
ยา
กระจกส่อง
ตุ้มหู
ประตู
ฟูก
ผ้าห่มนอน
น้ำ
ช้อน
|
พระโอสถ
พระฉาย
พระกุณฑล
พระทวาร
พระบรรจถรณ์
ผ้าคลุมบรรทม
พระสุธารส
ฉลองพระหัตถ์ ช้อน
|
แว่นตา
น้ำหอม
แหวน
หน้าต่าง
เตียงนอน
ผ้านุ่ง
เหล้า
ข้าว
|
ฉลองพระเนตร
พระสุคนธ์
พระธำมรงค์
พระบัญชร
พระแท่นบรรทม
พระภูษาทรง
น้ำจัณฑ์
พระกระยาเสวย
|
หวี
หมวก
ร่ม
อาวุธ
มุ้ง
ผ้าเช็ดหน้า
ของกิน
หมาก
|
พระสาง
พระมาลา
พระกลด
พระแสง
พระวิสูตร
ผ้าซับพระพักตร์
เครื่อง
พระศรี
|
๒. คำราชาศัพท์ที่ใช้เป็นคำสรรพนาม ดังนี้
บุรุษที่๑
สรรพนาม
|
ผู้พูด
|
ผู้ฟัง
|
ข้าพระพุทธเจ้า
เกล้ากระหม่อมฉัน
เกล้ากระหม่อม
เกล้ากระผม
|
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป(หญิง)
บุคคลทั่วไป(ชาย)
บุคคลทั่วไป
|
พระมหากษัตริย์,เจ้านายชั้นสูงพระมหากษัตริย์,เจ้านายชั้นสูง
เจ้านายชั้นรองลงมา
ขุนนางชั้นสูง
|
บุรุษที่๒
สรรพนาม
|
ผู้พูด
|
ผู้ฟัง
|
ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
ใต้ฝ่าละอองพระบาท
ใต้ฝ่าพระบาท
ฝ่าพระบาท
|
เจ้านายหรือบุคคลทั่วไป
เจ้านายหรือบุคคลทั่วไป
เจ้านายหรือบุคคลทั่วไป
เจ้านายที่เสมอกันหรือผู้น้อย
|
พระมหากษัตริย์,พระบรมราชินีนาถ
พระบรมโอรสาธิราช,พระบรมราชกุมารี
เจ้านายชั้นสูง
เจ้านายชั้นหม่อมเจ้าถึงพระเจ้าวรวงศ์เธอ
|
บุรุษที่๓
สรรพนาม
|
ผู้พูด
|
ใช้กับ
|
พระองค์
ท่าน
|
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
|
พระมหากษัตริย์,เจ้านายชั้นสูง
เจ้านาย
|
คำขานรับ
คำ
|
ผู้ใช้
|
ใช้กับ
|
พระพุทธเจ้าข้าขอรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม
เพคะใส่เกล้าใส่กระหม่อมหรือเพคะ
พระพุทธเจ้าข้าขอรับ,พระพุทธเจ้าข้า
เพคะกระหม่อม
|
ชาย
หญิง
ชาย
หญิง
|
พระมหากษัตริย์
พระมหากษัตริย์
เจ้านายชั้นสูง
เจ้านายชั้นสูง
|
๓. คำราชาศัพท์ที่ใช้เป็นคำกริยาเป็นคำแสดงอาการแบ่งเป็น๔ชนิด
ก. กริยาที่เป็นราชาศัพท์ในตัวเองเช่นตรัส(พูด)เสด็จ(ไป) กริ้ว(โกรธ)ประชวร (ป่วย) ประสูติ(เกิด)ทูล(บอก)เสวย(กิน) ถวาย(ให้)บรรทม(นอน)ประทับ(อยู่)โปรด(รัก,ชอบ)ทรงม้า(ขี่ม้า) ทรงดนตรี(เล่นดนตรี)
ข. ใช้ทรงนำหน้ากริยาธรรมดาเช่นทรงฟังทรงยืนทรงยินดี
ค. ห้ามใช้ทรงนำหน้ากริยาที่มีนามราชาศัพท์เช่นมีพระราชดำริ(ห้ามใช้ทรงมีพระราชดำริ) มีพระบรมราชโองการ (ห้ามใช้ทรงมีพระบรมราชโองการ)
ง. ใช้เสด็จนำหน้ากริยาบางคำเช่นเสด็จกลับเสด็จขึ้นเสด็จลง
จ. คำกริยาที่ประสมขึ้นใช้เป็นราชาศัพท์ตามลำดับชั้นบุคคลดังนี้
กริยา
|
ราชาศัพท์
|
ชั้นบุคคล
|
เกิด
ตาย
|
พระราชสมภพ
ประสูติ
สวรรคต
ทิวงคต
สิ้นพระชนม์
ถึงชีพิตักษัย,สิ้นชีพิตักษัย
ถึงแก่อสัญกรรม
ถึงแก่อนิจกรรม
|
พระมหากษัตริย์,พระบรมราชินี
เจ้านาย
พระมหากษัตริย์,พระบรมราชินี
พระยุพราชหรือเทียบเท่า
พระองค์เจ้าหรือเจ้านายชั้นสูง
หม่อมเจ้า
นายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรี
|
คำราชาศัพท์หมวดต่างๆแบ่งออกเป็น 3 หมวด
๑.คำราชาศัพท์หมวดร่างกาย
ผม =พระเกศา ไหปลาร้า = พระรากขวัญ
จุก =พระโมฬี นม =พระถัน, พระเต้า
หน้าผาก =พระนลาฎ ท้อง = พระอุทร
ฟัน =พระทนต์ เอว = บั้นพระองค์, พระกฤษฎี
ลิ้น =พระชิวหา หลัง =พระขนอง
นิ้วมือ =พระองคุลี บ่า =พระอังสะ
นิ้วชี้ =พระดรรชนี ขนระหว่างคิ้ว = พระอุณาโลม
เงา =พระฉายา จอนหู =พระกรรเจียก
ผิวหน้า =พระราศี จมูก =พระนาสิก
ปอด =พระปับผาสะ ปาก =พระโอษฐ์
คาง =พระหนุ อก =พระอุระ, พระทรวง
หู =พระกรรณ รักแร้ = พระกัจฉะ
ดวงหน้า =พระพักตร์ สะดือ = พระนาภี
อุจจาระ = พระบังคนหนัก น้ำตา =น้ำพระเนตร,
ต้นขา =พระอุรุ พระอัสสุชล
หัวเข่า =พระชานุ ต้นแขน = พระพาหุ
แข้ง =พระชงฆ์ ข้อมือ =ข้อพระหัตถ์
ผิวหนัง =พระฉวี ข้อเท้า =ข้อพระบาท
คิ้ว =พระขนง ปัสสาวะ = พระบังคนเบา
ลิ้นไก่ =มูลพระชิวหา ไรฟัน = ไรพระทนต์
นิ้วก้อย =พระกนิษฐา คอ =พระศอ
เนื้อ =พระมังสา ขน =พระโลมา
เถ้ากระดูก =พระอังคาร น้ำลาย =พระเขฬะ
ตะโพก =พระโสณี เหงื่อ =พระเสโท
๒.คำราชาศัพท์หมวดราชตระกูล
ปู่, ตา =พระอัยกา ย่า, ยาย = พระอัยยิกา, พระอัยกี
ลุง (ฝ่ายพ่อ) =พระปิตุลา ป้า = พระปิตุจฉา
พ่อ =พระชนก พระบิดา แม่ = พระชนนี, พระมารด
พี่ชาย =พระเชษฐา พี่สาว = พระเชษฐภคินี
ลูกสะใภ้ =พระสุณิสา น้องชาย = พระอนุชา
พ่อผัว, พ่อตา = พระสัสสุระ ผัว =พระสวามี
พี่เขย, น้องเขย = พระเทวัน ลูกเขย =พระชามาดา
๓. คำราชาศัพท์หมวดเครื่องใช้
ม่าน, มุ้ง =พระวิสูตร พระสูตร ประตู =พระทวาร
ถาดน้ำชา =ถาดพระสุธารส คนโทน้ำ =พระสุวรรณภิงคาร
ของเสวย =เครื่อง ช้อน =ฉลองพระหัตถ์ช้อน
ส้อม =ฉลองพระหัตถ์ส้อม ปิ่น =พระจุฑามณี
เหล้า =น้ำจัณฑ์ เสื้อ = ฉลองพระองค์
รองท้า =ฉลองพระบาท ปืน =พระแสงปืน
ผ้าเช็ดตัว =ซับพระองค์ ผ้าเช็ดหน้า =ซับพระพักตร์
กระจกส่อง = พระฉาย ที่นอน =พระยี่ภู่
กางเกง =พระสนับเพลา พระที่ ( ราชวงศ์ )
ไม้เท้า =ธารพระกร เตียงนอน = พระแท่นบรรทม
น้ำกิน = พระสุธารส ตุ้มหู =พระกุณฑล
ค้นคว้าเพิ่มเติม
ความหมายและความสำคัญของราชาศัพท์
พระยาอุปกิตศิลปสาร (๒๕๓๓ : ๑๕๗) ได้ให้ความหมายของราชาศัพท์ว่า“ศัพท์สำหรับพระราชาหรือศัพท์หลวง แต่ในที่นี้ให้หมายความว่าศัพท์ที่ใช้ในราชการ เพราะในตำรานั้นบางคำไม่กล่าวเฉพาะสำหรับกษัตริย์หรือเจ้านายเท่านั้น กล่าวทั่วไปถึงคำที่ใช้สำหรับบุคคลชั้นอื่น เช่น ขุนนาง และพระสงฆ์ เป็นต้นด้วย”
จากการสันนิษฐานของ ม.ล. ปีย์ มาลากุล (๒๕๒๖ : ๑๗๓ - ๑๗๔) สรุปได้ว่า มูลรากของราชาศัพท์ คือศัพท์ที่จะใช้เมื่อกราบบังคมทูลพระมหากษัตริย์ หรือกราบทูลพระราชวงศ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่เคารพสูงสุด ตามธรรมเนียมไทยเมื่อกล่าวถึงพระองค์ หรือแม้แต่คนที่เคารพคารวะก็จะไม่กล่าวพระปรมาภิไธย หรือชื่อตรงๆ ดังนั้นเมื่อจะใช้ศัพท์ในการกราบบังคมทูล หรือกราบทูลจึงใช้ศัพท์ที่แตกต่างไปจากคำที่ใช้อยู่โดยทั่วไป สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นมูลเหตุแห่งราชาศัพท์ ศัพท์ก็ดี ถ้อยคำก็ดี ในชั้นต้นคงมุ่งหมายเพียงให้เป็นถ้อยคำ สำนวนที่พระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ทรงฟังได้ ต่อมาคงเนื่องจากการคลี่คลายของภาษา ราชาศัพท์จึงขยายออกไป มีศัพท์สำหรับใช้กับพระ-ภิกษุ ข้าราชการ และกว้างขวางออกไปจนถึงคำสุภาพ
กล่าวโดยสรุป ราชาศัพท์จึงหมายถึง ถ้อยคำที่ใช้ให้เหมาะสมกับบุคคลในฐานะตำแหน่งต่างๆ กัน ๕ ชั้น ดังนี้
๑. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินี
๒. เจ้านาย (พระบรมวงศานุวงศ์)
๓. พระภิกษุ
๔. ข้าราชการ
๕. คำสุภาพสำหรับบุคคลทั่วไป
แหล่งที่มาของราชาศัพท์
เชื่อกันว่า คำราชาศัพท์เป็นถ้อยคำที่สร้างขึ้นใหม่ ไม่ใช่คำดั้งเดิมอย่างคำพื้นฐานของภาษา เพื่อสนองวัตถุประสงค์ในการยกย่อง และส่งเสริมพระเกียรติยศ ดังนั้นคำราชาศัพท์จึงจำเป็นต้อง สร้างขึ้นใหม่ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังที่ โสภา วิรยศิริ (๒๕๓๔ : ๑๓๗ - ๑๓๘) กล่าวไว้ดังนี้
๑. ยืมคำภาษาอื่นมาใช้ เช่น บาลี สันสกฤต และเขมร ซึ่งแบ่งออกเป็น ๓ จำพวก คือ คำนาม สรรพนาม และคำกริยา
๒.นำคำภาษาอื่นมาสร้างใหม่ตามแบบคำประสม
๓. ถ้าจะนำไทยมาใช้ก็ต้องมีวิธีตกแต่งให้เป็นราชาศัพท์ขึ้นมาด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น
๓.๑ คำไทยประสมกันได้แก่ รับสั่ง ห้องเครื่อง เครื่องต้น ฯลฯ
๓.๒ คำไทยประสมกับคำอื่นที่เป็นราชาศัพท์อยู่แล้ว เช่น น้ำพระเนตร มูลพระชิวหา (ลิ้นไก่) บั้นพระองค์ (บั้นเอว) พานพระศรี รองพระบาท ถุงพระหัตถ์ ถุงพระบาท น้ำพระทัย ทอดพระองค์ เข้าพระที่ ทอดพระเนตร สนพระทัย เอาพระทัยใส่ ฯลฯ
๓.๓ คำที่เป็นคำไทยจะต้องมีคำพระหรือพระราชนำหน้าเพื่อตกแต่งให้เป็น ราชาศัพท์ เช่น พระเจ้า (หัว เฉพาะพระเจ้าแผ่นดิน) พระรากขวัญ (ไหปลาร้า) พระพี่นาง พระเต้า พระอู่ พระสาง พระแท่น พระเก้าอี้ พระตะพาบ (หม้อน้ำ) พระยี่ภู่ (ที่นอน)
หลักการใช้คำราชาศัพท์
การใช้คำราชาศัพท์ในการกราบบังคมทูลพระมหากษัตริย์หรือกราบทูลพระราชวงศ์นั้น
มีหลักเกณฑ์ ดังนี้
xml:namespace prefix = v />๑. นามราชาศัพท์
๑.๑ พระบรมราชและพระบรม ใช้เฉพาะพระมหากษัตริย์นำหน้าคำที่สำคัญยิ่งในกรณีที่ต้องการเชิดชูเกียรติยศพระราชอำนาจและ พระราชกฤษฎาภินิหาร เช่น พระบรมราชโองการ พระบรมมหาราชวัง (มีแห่งเดียว) พระบรมราโชวาท พระบรมราชูปถัมภ์ พระบรมโพธิสมภาร (บุญบารมี) พระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมรูป พระบรมราชินี
ข้อสังเกต
“พระบรม” ใช้เฉพาะพระมหากษัตริย์เท่านั้น เมื่อใช้กับสมเด็จพระบรมราชินี ให้ตัดคำว่า“บรม” ออก เช่น พระนามาภิไธย พระราชานุเคราะห์ พระราโชวาท เป็นต้น
๑.๒ พระราช นำหน้าคำที่ใช้เฉพาะพระมหากษัตริย์และเจ้านายที่ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรม เช่น สมเด็จพระบรมโอรสธิราช สมเด็จพระบรมราชกุมารี ได้แก่ พระราชวัง พระราชทรัพย์ พระราชนิพนธ์ ฯลฯ ส่วนเจ้านายอื่น ๆ ใช้คำว่า “พระ” นำหน้าเท่านั้น เช่น พระนิพนธ์ พระกุศล ฯลฯ
๑.๓ พระมหา ใช้เหมือน “พระราช” เช่น พระมหากรุณาธิคุณ พระมหาเศวตรฉัตร พระมหามงกุฎ
๑.๔ พระ เป็นคำใช้นำหน้าคำนามราชาศัพท์ที่เกี่ยวกับของใช้ อวัยวะ บุคคลที่เกี่ยวข้อง และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับร่างกาย ชีวิต เช่น พระแสง พระที่นั่ง พระหัตถ์ พระนาสิก พระวรกาย พระพี่เลี้ยง พระสหาย พระชาตา พระบังคนหนัก พระเคราะห์ เป็นต้น
ข้อสังเกต
๑. คำประสมที่เป็นคำราชาศัพท์อยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ “พระ” นำหน้าอีก เช่น ฉลองพระเนตร ม้าพระที่นั่ง ธารพระกร บั้นพระองค์ เครื่องพระสำอาง เป็นต้น
๒.เจ้านายชั้นหม่อมเจ้า ใช้ราชาศัพท์เฉย ๆ ไม่ต้องมี “พระ” นำหน้า เช่น หัตถ์ กร ยกเว้นคำเฉพาะบางคำ เช่น ขอบพระทัย
๑.๕ ราช ใช้นำหน้าคำสามัญเพื่อบอกให้ทราบว่าเป็นของพระมหากษัตริย์ เช่น ราชรถ ราชพัสดุ ราชสมบัติ ราชยาน ราชทัณฑ์ เป็นต้น
๑.๖ ต้นหรือหลวง ใช้ประกอบท้ายคำที่เป็นคำไทยสามัญทั่วไป ทั้งคน สัตว์สิ่งของ เช่น ช้างต้น ม้าต้น เรือหลวง รถหลวง เป็นต้น
คำสรรพนามราชาศัพท์
๑. สรรพนามบุรุษที่ ๑ (ฉัน, ข้าพเจ้า ฯลฯ)
ข้าพระพุทธเจ้า บุคคลใช้กับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว,สมเด็จพระบรมราชินี
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี,สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี,พระราชโอรสฯ พระราชธิดา
ถ้าเป็นการลำลองผู้หญิงใช้ “เกล้ากระหม่อมฉัน” ก็ได้
เกล้ากระหม่อม บุคคลใช้กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ หรือ พระวรวงศ์เธอที่ทรงกรม
กระหม่อม ” พระวรวงศ์, หม่อมเจ้า ถ้าเป็นการลำลอง ผู้หญิงใช้ “หม่อมฉัน” ก็ได้
๒. สรรพนามบุรุษที่ ๒ (ท่าน ฯลฯ)
ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท บุคคลใช้กับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว,สมเด็จพระบรมราชินี
ใต้ฝ่าละอองทุลีพระบาท" สมเด็จพระศรีนคริรทราบรมราชชนนี
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมงกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร
ใต้ฝ่าพระบาท ” พระราชโอรส, พระราชธิดา
ฝ่าพระบาท ” พระราชวงศ์อื่น ๆ
๓. สรรพนามบุรุษที่ ๓ (เขา)
เมื่อกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ตลอดจนพระราชวงศ์ทั่วไป ใช้คำว่า “พระองค์ท่าน”
ราชาศัพท์ที่เป็นคำขานรับ
เมื่อกราบบังคมทูลและต้องขานรับ ครับ ค่ะ ให้ใช้เป็นราชาศัพท์ ดังนี้
พระพุทธเจ้าข้า ใช้ขานรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระบรมราชินี
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมารสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
คำว่า“พระพุทธเจ้าข้า”ย่อมาจาก“พระพุทธเจ้าข้าขอรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม”
ถ้าเป็นการลำลองผู้หญิงใช้ “เพค่ะ” ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ใช้ขานรับ พระราชโอรส,
พระราชธิดาคำว่า “พ่ะย่ะค่ะ” คงเพี้ยนมาจาก “พระพุทธเจ้าข้า”
กระหม่อม ใช้ขานรับ พระราชวงศ์อื่น ๆ
คำราชาศัพท์หมวดอากัปกิริยา
ทาเครื่องหอม = ทรงพระสำอาง ทักทายปราศรัย =พระราชปฏิสันถาร
ถาม =พระราชปุจฉา ดู =ทอดพระเนตร
ให้ =พระราชทาน อยากได้ = ต้องพระราชประสงค์
ไปเที่ยว =เสด็จประพาส จดหมาย =พระราชหัตถเลขา
ไหว้ =ถวายบังคม แต่งตัว =ทรงเครื่อง
อาบน้ำ =สรงน้ำ มีครรภ์ =ทรงพระครรภ์
หัวเราะ =ทรงพระสรวล ตัดสิน =พระบรมราชวินิจฉัย |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น